หางตาตก ทำแล้วกลับมาเป็นอีกไหม?

หางตาตก ทำแล้วกลับมาเป็นอีกไหม?
หางตาตก ทำแล้วกลับมาเป็นอีกไหม? หางตาตก ทำแล้วกลับมาเป็นอีกไหม?

การยกหางตาเป็นศัลยกรรมที่มุ่งแก้ไขปัญหาหางตาที่หย่อนคล้อย หนังตาตก และริ้วรอยรอบดวงตา เพื่อให้ดวงตาดูยกกระชับ สดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาการทำศัลยกรรมนี้คือ “ทำแล้วหางตาจะกลับมาตกอีกหรือไม่?” คำตอบสำหรับคำถามนี้มีความซับซ้อนและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

กลไกและสาเหตุของหางตาตก

เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมหางตาที่ยกแล้วถึงมีโอกาสกลับมาตกได้อีก เราจำเป็นต้องทราบถึงกลไกและสาเหตุหลักของปัญหาหางตาตกตั้งแต่แรกเริ่ม:

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น: นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบดวงตาก็อ่อนแรงลงตามธรรมชาติ การยึดเกาะของกล้ามเนื้อตาอ่อนแอลง ทำให้หนังตาค่อยๆ ตกลงมา รวมถึงผิวหนังบริเวณหางตาก็หย่อนคล้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
  2. พันธุกรรม: บางคนมีแนวโน้มที่จะมีหางตาตกตั้งแต่ยังอายุน้อยเนื่องจากโครงสร้างใบหน้าและลักษณะผิวหนังที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากมีบุคคลในครอบครัวที่มีปัญหาหางตาตก ก็มีโอกาสสูงที่คนในครอบครัวนั้นจะมีปัญหาเดียวกัน
  3. การสัมผัสกับแสงแดด: รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวหนัง การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกันจะทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังรอบดวงตา ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยและหางตาตกได้เร็วขึ้น
  4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การขยี้ตาบ่อยๆ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด และภาวะขาดน้ำ สามารถส่งผลเสียต่อความยืดหยุ่นของผิวหนังรอบดวงตา และเร่งให้เกิดหางตาตกได้
  5. โรคประจำตัวและภาวะสุขภาพ: บางโรคและภาวะสุขภาพ เช่น โรคมัยแอสทีเนีย กราวิส (Myasthenia Gravis) หรือโรคที่ส่งผลต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ อาจทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรงและนำไปสู่หางตาตกได้
  6. การบาดเจ็บหรือการผ่าตัด: การบาดเจ็บที่บริเวณเปลือกตาหรือการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับดวงตาอาจทำให้กล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่ควบคุมเปลือกตาได้รับความเสียหายและส่งผลให้เกิดหางตาตกในภายหลัง
  7. โครงสร้างกระดูกเบ้าตา: ในบางคน โครงสร้างกระดูกเบ้าตาที่มีลักษณะโค้งลงด้านหางตามากกว่าปกติ อาจทำให้ดูเหมือนหางตาตกตั้งแต่ยังอายุน้อย

การยกหางตาแต่ละวิธีและระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์

การยกหางตามีหลายวิธี แต่ละวิธีมีกลไกในการแก้ไขปัญหาและระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่แตกต่างกัน:

  1. การยกหางตาแบบผ่าตัด (Surgical Brow Lift/Lateral Canthoplasty):
    • กลไก: เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณหางตา รวมถึงอาจมีการตัดหนังตาส่วนเกินออก และปรับตำแหน่งของหางตาให้สูงขึ้น
    • ระยะเวลาคงอยู่: โดยทั่วไป การผ่าตัดยกหางตาให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานที่สุด ประมาณ 5-10 ปี หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัด สภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด อย่างไรก็ตาม กระบวนการชราตามธรรมชาติก็จะยังคงดำเนินต่อไป ทำให้หางตามีโอกาสหย่อนคล้อยลงอีกครั้งในอนาคต แต่จะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม 100%
  2. การยกหางตาแบบร้อยไหม (Thread Lift):
    • กลไก: เป็นการสอดไหมละลายที่มีเงี่ยงเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณหางตาและยกกระชับผิวขึ้น เงี่ยงของไหมจะยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวและดึงให้หางตายกขึ้น
    • ระยะเวลาคงอยู่: ผลลัพธ์ของการร้อยไหมยกหางตาโดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้ ปริมาณไหมที่ร้อย สภาพผิวของแต่ละบุคคล และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การแสดงสีหน้าบ่อยๆ การนวดหน้าแรงๆ อาจทำให้ไหมคลายตัวเร็วขึ้น เมื่อไหมละลายหมด หางตาก็จะค่อยๆ กลับมาหย่อนคล้อยอีกครั้ง
  3. การยกหางตาด้วยโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin Injection):
    • กลไก: โบท็อกซ์ออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา ซึ่งรวมถึงกล้ามเนื้อที่ดึงหางตาลง เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้คลายตัว หางตาก็จะถูกยกขึ้นเล็กน้อย
    • ระยะเวลาคงอยู่: ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ไม่ถาวร โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน เมื่อยาหมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานตามปกติ และหางตาก็จะกลับสู่สภาพเดิม
  4. การยกหางตาด้วยฟิลเลอร์ (Dermal Fillers):
    • กลไก: การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหางตาและขมับสามารถช่วยเติมเต็มและยกกระชับผิวในบริเวณนั้นได้ ทำให้หางตาดูยกขึ้นเล็กน้อย และช่วยลดเลือนริ้วรอย
    • ระยะเวลาคงอยู่: ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และการเผาผลาญของแต่ละบุคคล เมื่อฟิลเลอร์สลายตัว หางตาก็จะกลับสู่สภาพเดิม
  5. การยกหางตาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency – RF) และอัลตราซาวนด์ (Ultrasound – เช่น Ulthera, HIFU):
    • กลไก: เทคโนโลยีเหล่านี้จะส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวต่างๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวบริเวณหางตาค่อยๆ ยกกระชับขึ้น
    • ระยะเวลาคงอยู่: ผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน และโดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ จำนวนครั้งที่ทำ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล จำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์

นอกเหนือจากวิธีการยกหางตาที่เลือกแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่:

  • อายุ: ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าอาจมีผิวที่ยังคงมีความยืดหยุ่นดี ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าผู้สูงอายุที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก
  • สภาพผิว: คุณภาพและความยืดหยุ่นของผิวหนังเดิมมีผลต่อการตอบสนองต่อการรักษาและการคงอยู่ของผลลัพธ์
  • การดูแลตัวเองหลังทำ: การดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ การหลีกเลี่ยงแสงแดด การงดสูบบุหรี่ และการมีสุขภาพที่ดีจะช่วยชะลอการกลับมาของหางตาตก
  • เทคนิคการผ่าตัดและวัสดุที่ใช้: เทคนิคการผ่าตัดที่ซับซ้อนและแม่นยำ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ (เช่น ชนิดของไหม หรือซิลิโคนที่ใช้ในการยกคิ้วร่วมด้วยในบางกรณี) อาจส่งผลให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย: การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างมากอาจส่งผลต่อความกระชับของผิวหนังบริเวณใบหน้าและดวงตา
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนตามวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลต่อความยืดหยุ่นของผิวหนัง
    หางตาตก ทำแล้วกลับมาเป็นอีกไหม?

วิธีชะลอการกลับมาของหางตาตก

แม้ว่าการยกหางตาจะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการชราตามธรรมชาติได้อย่างถาวร แต่ก็มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อชะลอการกลับมาของหางตาตก:

  1. ดูแลผิวรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ คอลลาเจน หรือเปปไทด์ เพื่อช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและกระชับ
  2. ปกป้องผิวจากแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา และสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด
  3. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: การขยี้ตาบ่อยๆ จะทำลายความยืดหยุ่นของผิวหนังรอบดวงตา
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายและผิวหนังได้ฟื้นฟู
  5. ดื่มน้ำให้มาก: ความชุ่มชื้นของร่างกายมีความสำคัญต่อสุขภาพผิว
  6. งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง
  7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยบำรุงผิวพรรณ
  8. พิจารณาทำทรีตเมนต์ยกกระชับเป็นประจำ: การทำทรีตเมนต์ที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การร้อยไหม การฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ หรือการใช้คลื่นความถี่วิทยุและอัลตราซาวนด์ เป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ อาจช่วยคงผลลัพธ์ของการยกหางตาได้นานขึ้น

สรุป

การยกหางตาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาหางตาตกและทำให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการยกหางตา ไม่ถาวร และมีโอกาสที่หางตาจะค่อยๆ กลับมาหย่อนคล้อยลงอีกครั้งตามกระบวนการชราตามธรรมชาติและปัจจัยอื่นๆ ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการยกหางตาที่เลือก สภาพผิว การดูแลตัวเองหลังทำ และปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ การดูแลผิวรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ การปกป้องผิวจากแสงแดด และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดี สามารถช่วยชะลอการกลับมาของหางตาตกได้ หากต้องการคงผลลัพธ์ในระยะยาว อาจต้องพิจารณาการทำทรีตเมนต์ซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญการ

ช่องทางติดต่อ Double P Clinic
Website:  https://doublepclinic.com/
Facebook:  https://www.facebook.com/doublepclinic/
Line: @doublepclinic
เบอร์โทรศัพท์:
สาขากรุงเทพฯ: 02-060-1167, 091-773-9167, 094-965-6393
สาขาพิษณุโลก: 095-664-4246

#ยกหางตา #หางตาตก #ศัลยกรรมยกหางตา #ร้อยไหมยกหางตา #โบท็อกซ์ยกหางตา #ฟิลเลอร์ยกหางตา #หนังตาตก #ริ้วรอยรอบดวงตา #ศัลยกรรมตา #ความงาม #ชะลอวัย #ดูแลผิวรอบดวงตา #ผลข้างเคียงยกหางตา #ระยะเวลาพักฟื้นยกหางตา

Author Profile

Admin