ยกหางตามีแบบไหนบ้าง? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละวิธี

ยกหางตามีแบบไหนบ้าง? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละวิธี
ยกหางตามีแบบไหนบ้าง? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละวิธียกหางตามีแบบไหนบ้าง? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละวิธี

การยกหางตาเป็นศัลยกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาหางตาตก หนังตาหย่อนคล้อย และริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ดวงตาดูยกกระชับ สดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น ปัจจุบันมีเทคนิคการยกหางตาหลากหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการยกหางตาแต่ละประเภท เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่สนใจทำศัลยกรรมยกหางตา

ประเภทของการยกหางตา

  1. การยกหางตาแบบผ่าตัด (Surgical Brow Lift/Temporal Lift)

    • เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตาและตัดหนังตาส่วนเกินออก
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตก หนังตาหย่อนคล้อย และริ้วรอยรอบดวงตาชัดเจน
    • ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
    • ข้อดี:
      • ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
      • สามารถแก้ไขปัญหาหางตาตก หนังตาหย่อนคล้อย และริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      • สามารถปรับรูปทรงดวงตาให้ดูเฉี่ยวคมได้
    • ข้อเสีย:
      • ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า (ประมาณ 1-2 สัปดาห์)
      • อาจมีรอยแผลเป็น
      • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
      • มีผลข้างเคียงเช่น อาการบวมช้ำ การติดเชื้อ หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นที่น่าพอใจ
    • เทคนิคการผ่าตัด:
      • Temporal Lift: เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณขมับ โดยเปิดแผลเล็กๆ บริเวณไรผม
      • Direct Brow Lift: เป็นการผ่าตัดยกหางตาโดยตรงเหนือคิ้ว แล้วตัดหนังตาส่วนเกินออก มักจะใช้ในผู้สูงอายุ เนื่องจากหนังตามีการหย่อนคล้อยมาก
      • Sub-brow Lift: เป็นการผ่าตัดยกหางตาโดยการเปิดแผลที่ใต้คิ้ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก ไขมันชั้นตาเยอะ และต้องการปรับระดับความสูงของคิ้ว
      • Coronal Brow Lift: เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณหน้าผาก โดยเปิดแผลยาวบริเวณไรผม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากย่นร่วมด้วย
      • Endoscopic Brow Lift: เป็นการผ่าตัดยกหางตาโดยใช้กล้องส่องขนาดเล็ก สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อยกกระชับเนื้อเยื่อบริเวณหางตา
  2. การยกหางตาแบบร้อยไหม (Thread Lift)

    • เป็นการร้อยไหมละลายเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
    • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร (ประมาณ 1-2 ปี)
    • ข้อดี:
      • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น
      • ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า
      • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
      • มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
    • ข้อเสีย:
      • ผลลัพธ์ไม่ถาวร
      • ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยและริ้วรอยรอบดวงตาได้มากเท่ากับการผ่าตัด
      • มีผลข้างเคียงเช่น อาการบวมช้ำ หรือไหมเคลื่อน
    • ประเภทของไหม:
      • ไหม PDO (Polydioxanone): เป็นไหมละลายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีความปลอดภัยสูง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
      • ไหม PLLA (Poly L-lactic Acid): เป็นไหมละลายที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่าไหม PDO และอยู่ได้นานกว่า
      • ไหม PCL (Polycaprolactone): เป็นไหมละลายที่อยู่ได้นานที่สุด (ประมาณ 2 ปี) แต่มีราคาแพงกว่า
  3. การยกหางตาด้วยเลเซอร์ (Laser Brow Lift)

    • เป็นการใช้เลเซอร์ยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อย และต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
    • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร (ประมาณ 1-2 ปี)
    • ข้อดี:
      • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น
      • ใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก
      • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
      • กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
    • ข้อเสีย:
      • ผลลัพธ์ไม่ถาวร
      • ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยและริ้วรอยรอบดวงตาได้มากเท่ากับการผ่าตัด
      • ต้องทำซ้ำหลายครั้ง
      • มีค่าใช้จ่ายสูง
    • ประเภทของเลเซอร์:
      • เลเซอร์ Fractional CO2: เป็นเลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวหนัง
      • เลเซอร์ Ulthera: เป็นเลเซอร์ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในการยกกระชับผิวหนังชั้นลึก
  4. การยกหางตาด้วยฟิลเลอร์ (Filler Brow Lift)

    • เป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณหางตา เพื่อยกกระชับผิวหนัง
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อย และต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
    • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร (ประมาณ 1-2 ปี)
    • ข้อดี:
      • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น
      • ใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก
      • เห็นผลลัพธ์ได้ทันที
    • ข้อเสีย:
      • ผลลัพธ์ไม่ถาวร
      • ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยและริ้วรอยรอบดวงตาได้มากเท่ากับการผ่าตัด
      • ต้องทำซ้ำหลายครั้ง
      • มีค่าใช้จ่ายสูง
      • มีผลข้างเคียงเช่น อาการบวมช้ำ หรือฟิลเลอร์เคลื่อน
    • ประเภทของฟิลเลอร์:
      • กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid): เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีความปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

การเลือกเทคนิคการยกหางตา

การเลือกเทคนิคการยกหางตาที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  • ปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ
  • สภาพผิวหนังและโครงสร้างใบหน้า
  • งบประมาณ
  • ความคาดหวังเกี่ยวกับผลลัพธ์
    ยกหางตามีแบบไหนบ้าง

สรุป

การยกหางตามีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล

ช่องทางติดต่อ Double P Clinic
Website:  https://doublepclinic.com/
Facebook:  https://www.facebook.com/doublepclinic/
Line: @doublepclinic
เบอร์โทรศัพท์:
สาขากรุงเทพฯ: 02-060-1167, 091-773-9167, 094-965-6393
สาขาพิษณุโลก: 095-664-4246

#ยกหางตา #ศัลยกรรมยกหางตา #ตาตก #หนังตาหย่อนคล้อย #ริ้วรอยรอบดวงตา #ศัลยกรรมตา #ความงาม #ศัลยกรรม

Author Profile

Admin